งานสัมมนาระดับสูงว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้สีเขียวในประเทศไทยและความเป็นหุ้นส่วนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนระหว่างไทยกับลักเซมเบิร์ก

งานสัมมนาระดับสูงว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้สีเขียวในประเทศไทยและความเป็นหุ้นส่วนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนระหว่างไทยกับลักเซมเบิร์ก

วันที่นำเข้าข้อมูล 17 มิ.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 17 มิ.ย. 2568

| 5 view

           เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ CBSChula และตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก จัดงานสัมมนาระดับสูงว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้สีเขียวในประเทศไทยและความเป็นหุ้นส่วนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนระหว่างไทยกับลักเซมเบิร์ก และการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน ณ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับนโยบายและแนวทางส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทยของหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกับลักเซมเบิร์กและสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติที่ดีในการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน โดยมีหน่วยงานที่ร่วมในการบรรยาย ได้แก่ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย และตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก และมีผู้เข้าร่วมรับฟังการสัมมนาฯ จากบริษัทเอกชน สถาบันการเงิน องค์กรรับรองมาตรฐาน ธนาคาร หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ฯลฯ รวมกว่า 70 คน

          ในงานสัมมนาฯ ผศ.ดร. ธารทัศน์ โมกขมรรคกุล คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ กล่าวต้อนรับ และเน้นย้ำความสำคัญของตราสารหนี้สีเขียวต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและไม่ใช่กระแสฉาบฉวยแต่เป็นแนวทางแห่งอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยมีความก้าวหน้าในด้านนี้
นางกาญจนา ภัทรโชค เอกอัครราชทูตฯ กล่าวเปิด โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของลักเซมเบิร์กในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของยุโรป และโอกาสของไทยในการต่อยอดความร่วมมือในด้านนี้กับลักเซมเบิร์ก เช่น การจัดทำ MoU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเงิน การจดทะเบียนพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนของรัฐบาลในตลาดหลักทรัพย์สีเขียวของลักเซมเบิร์ก ฯลฯ ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมที่จะช่วยประสานกับภาคการเงินของลักเซมเบิร์กต่อไป

           ในช่วงคำกล่าวปาฐกถา Ms. Fang Zhang, Regional Head for Asia-Pacific จากตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์กให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์กซึ่งโดดเด่นในเรื่องการขึ้นทะเบียนตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนบนแฟลตฟอร์มแสดงข้อมูลที่เรียกว่า ตลาดหลักทรัพย์สีเขียวลักเซมเบิร์ก (Luxembourg Green Exchange: LGX) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและภาพลักษณ์ที่ดีเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้แก่ตราสารหนี้ที่ขึ้นทะเบียน โดย LGX ให้บริการอย่างครบวงจรทั้งด้านข้อมูล การช่วยเหลือในการจดทะเบียน การฝึกอบร และการให้บริการข้อมูล
ทางด้าน ดร. ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนายไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการตลาดตราสารหนี้ไทย ซึ่งในไทยเริ่มจากด้านธรรมาภิบาลทางการเงิน และขยายไปในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยทั้งสองหน่วยงานมีบทบาทในการออกแบบนโยบายและสร้างเครื่องมือในการส่งเสริมการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนของไทย การกำกับดูแล การวางมาตรฐาน และการเสริมสร้างขีดความสามารถของตลาดตราสารหนี้ เช่น การใช้ FTSE Russell ESG Scores ในการประเมินการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทในตลากหลักทรัพย์ การออก Thailand Taxonomy เพื่อกำหนดว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรมเพื่อความยั่งยืน การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อเปิดเผยเกี่ยวกับกิจกรรมความยั่งยืนของบริษัท การให้ความช่วยเหลือในการออกตราสารหนี้และการฝึกอบรม เป็นต้น

           ในระดับภูมิภาค นายโกสินทร์ พึงโสภณ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสภาคการเงิน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของทั้งโลก โดยในปีที่ผ่านมา มีผู้ออกตราสารหนี้ชุดใหม่คิดเป็นร้อยละ 10 ของทั้งโลก ADB เน้นบริการให้คำแนะนำต่อภาคส่วนต่าง ๆ ในการออกตราสารหนี้ ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะการออกตราสารหนี้ฯ ครั้งแรก โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ADB ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ธนาคาร EXIM Thailand การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยสอดแทรกการกำหนดให้ใช้ ASEAN Taxonomy หรือ Thailand Taxonomy ในอนาคต ADB มีแผนจะเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล ให้ออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนด้วย

           ในช่วงการเสวนาซึ่งดำเนินรายการโดย ผศ. ดร. รุ่งเกียรติ รัตนบานชื่น อาจารย์ประจำภาควิชาการเงินและการธนาคาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ และมีผู้ร่วมเสวนา 4 คน ได้แก่ นายทยากร จิตรกุลเดชา ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ดร. สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย นายพลช หุตะเจริญ ผู้อำนวยการกองพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และ Mr. Guillaume Jacques, Sustainable Finance Analyst จากตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก ได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับปัญหาและข้อท้าทายของการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย โดยเฉพาะการจัดทำ KPI หรือคิดริเริ่มโครงการ การขาดวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของผู้บริหาร การขาด external reviewer การขาดข้อมูลของนักลงทุน การขาดแรงจูงใจด้านภาษีในการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน และได้ชื่นชมบทบาทนำของภาครัฐในการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนในการออกตราสารหนี้ในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ ผู้ร่วมเสวนายังได้ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินการเพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของไทยด้วย เช่น ให้มีการเปิดเผยข้อมูล การใช้ taxonomy ในการวิเคราะห์กิจกรรม การจัดทำรายงานด้านความยั่งยืนของบริษัท (CSRD) การเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับ ESG การจัดทำนโยบาย/ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของบริษัทให้ชัดเจน การปฏิบัติตามกฎระเบียบหลักเกณฑ์ด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างสมดุล เป็นต้น โดย Mr. Jacques กล่าวว่า ลักเซมเบิร์กสามารถสนับสนุนไทยในด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถ การเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลด้านความยั่งยืนของไทย และการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกตราสารหนี้ โดยย้ำว่า ไทยสามารถติดตามดูว่าทั่วโลกมีแนวปฏิบัติที่ดีอย่างไรและนำมาปรับใช้กับไทย

         ในช่วงบ่าย ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการออก GSSS/ESG Bond โดยมี Mr. Jacques เป็นวิทยากร มีผู้เข้าร่วมประมาณ 20 คน จากบริษัทเอกชน ธนาคาร และสถาบันการเงินต่าง ๆ โดยได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนซึ่งต้องคำนึงถึง 4 ด้าน ได้แก่ (1) การใช้เงินทุนจากการออกตราสารหนี้ (use of proceeds) ว่าโครงการใดเข้าข่ายกิจกรรมเพื่อความยั่งยืน (2) การประเมินและเลือกโครงการที่จะดำเนินการ (3) การบริหารจัดการเงินทุน และ (4) การรายงานผล โดยต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกสำหรับตราสารหนี้แต่ละประเภท เช่น ที่ออกโดย The International Capital Market Association (ICMA) การสัมมนาฯ ได้เน้นไปที่ Sustainability-linked bond ซึ่งจะวัดผลการใช้เงินทุนจากตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ตั้งไว้แทนการวัดผลเป็นโครงการซึ่งจะยืดหยุ่นกว่าแต่การกำหนดตัวชี้วัดก็มีความซับซ้อนด้วย นาย Jacques ได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของไทย ได้แก่ กรณีการออกพันธบัตรและตราสารหนี้ของ กค. บ. AIS และ บ. Thai Union ซึ่งมีจุดแข็งแตกต่างกัน ในช่วงท้ายของการสัมมนาฯ ผู้เข้าร่วมได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม เพื่อระดมสมองทดลองวางแผนการออกตราสารหนี้ GSSS/ESG และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับวิทยากรอย่างแข็งขัน

          โครงการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนระหว่างไทยกับลักเซมเบิร์กจัดขึ้นโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ โดยได้เชิญให้ผู้แทนของตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก 2 ราย เยือนไทยระหว่างวันที่ 15-18 มิถุนายน 2568 เพื่อพบหารือกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และจัดกิจกรรมเสวนาและสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนของไทยและความเป็นหุ้นส่วนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนกับลักเซมเบิร์ก ณ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ รวมถึงพบหารือกับบริษัทเอกชนและธนาคารพาณิชย์ของไทย

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ